วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของคุกกี้

        

  ประโยชน์ของคุกกี้      
               
                                                                            

                         คุกกี้ คือขนมอบชิ้นเล็กๆ รูปร่างแบน ซึ่งทำจากแป้งสาลี คำว่าคุกกี้มีที่มาจากคำในภาษาดัตช์ koekje ซึ่งหมายถึง "เค้กชิ้นเล็กๆ" แรกเริ่มเดิมทีนั้น คุกกี้ทำโดยการแบ่งแป้งขนมเค้กที่ผสมแล้วออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเข้าเตาอบ เพื่อทดสอบอุณหภูมิที่จะใช้อบขนมเค้ก คำว่า "คุกกี้" (cookie) ใช้กันในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในขณะที่ในสหราชอาณาจักรจะเรียกขนมแบบเดียวกันนี้ว่า "บิสกิต" (biscuit)
ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่อีกประเภทหนึ่งซึ่งเราค่อนข้างจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะ เป็นขนมที่มีกรรมวิธีการทำที่ง่าย รสชาติอร่อย หอม หวานมัน และที่สำคัญคือความกรอบ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของขนมประเภทนี้ และสามารถเก็บเอาไว้ได้ในระยะยาว นิยมที่จะใช้เป็นของขวัญในวันปีใหม่ หรือเทศกาลต่าง ๆ นั้นก็คือ คุกกี้ (Cookies) นั่นเอง คุกกี้เป็นเบเกอรี่ที่มีส่วนผสมคล้ายคลึงกับเค้กคือ ประกอบด้วย แป้ง, เนย, นม, ไข่ และสิ่งที่ช่วยให้ขึ้นฟูอื่นๆ แต่จะมีส่วนผสมของ ของเหลวน้อยกว่าและแตกต่างกับเค้กตรงที่ใช้แป้งที่มีปริมาณโปรตีนสูงกว่าเค้ก แต่น้อยกว่าขนมปัง แป้งที่ว่าก็คือ แป้งสาลีเอนกประสงค์ คุกกี้ที่เราเห็นกันอยู่นั้นสามารถแบ่งตามลักษณะของรูปร่างที่ทำได้คือ
1. คุกกี้หยอด เป็นคุกกี้ที่ใช้ช้อนตักหยอดเป็นรูปร่างต่างๆ หรือใส่กรวยที่มีหัวบีบ ตกแต่งหน้าด้วยเชอรี่หรือลูกเกด เช่น คุกกี้นมสด คุกกี้เนย คุกกี้กุ้งแห้ง คุกกี้เม็ดมะม่วง ฯลฯ
2. คุกกี้ม้วน เป็นคุกกี้ที่มีส่วนผสมค่อนข้างอยู่ตัว สามารถนำมารีดเป็นแผ่นวางลวดลายต่างๆ หรือม้วนเป็นวงกลม คุกกี้ชนิดนี้ต้องนำเข้าแช่ในตู้เย็นจนแข็ง จึงนำออกมาตัดเป็นแว่นๆ วางบนถาดที่ทาไขมัน แล้วนำเข้าอบ เช่น คุกกี้แฟนซี คุกกี้ผลไม้ ฯลฯ
3. คุกกี้กด เป็นคุกกี้ที่มีความเข้มข้นมาก หรือลักษณะของแป้งค่อนข้างอยู่ตัว นำมารีดเป็นแผ่น กดด้วยพิมพ์ วางบนถาดที่ทาไขมัน นำเข้าอบ เช่น คุกกี้สิงคโปร์ คุกกี้หน้าทอฟฟี่ ฯลฯ
4. คุกกี้ที่มีคุณภาพทางอาหารสูง เป็นคุกกี้ที่มีการเติมส่วนผสมที่มีคุณค่าต่อร่างกาย เช่น ธัญพืชชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวโอ๊ต คอร์นเฟลค ผลไม้แห้ง หรือผลไม้อื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย




   
 
                        คุกกี้ เป็นขนมที่ทานง่าย มีลักษณะ รสชาดหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ และสามารถขายได้ในราคาที่ย่อมเยา กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจึงเป็นคนทุกระดับ ทุกผู้ทุกวัย และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนส่วนใหญ่ ในการรับประทานทั้งเป็นอาหารว่าง, การจัดเลี้ยง และเป็นของฝากที่เหมาะสมในเทศกาลต่างๆ   ได้หลายเทศกาล เช่น เทศกาลปีใหม่, วาเลนไทน์, วันเกิด ฯลฯ เพราะ คุกกี้มีหน้าตาสวยงาม      น่ารับประทาน และสามารถเก็บไว้ได้นานพอสมควร ไม่เน่าเสียได้ง่าย จึงเหมาะกับการนำมาเป็นของฝากอย่างยิ่ง อีกทั้งคุกกี้ยังใช้ประดับ ตกแต่งหน้าเค้ก ไอศกรีม น้ำแข็งไส สินค้าก็เลยขายได้ทั้ง 2 กลุ่ม คือ ขนมทานเล่น กับวัสดุตกแต่งเบเกอรี่

กรรมวิธีในการทำคุกกี้ โดยส่วนใหญ่เริ่มจากการตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู ระยะเวลาในการตี มีผลต่อการขึ้นฟูของคุกกี้เหมือนกัน โดยปกติแล้วคุกกี้ที่ใช้เนยตีกับน้ำตาล เราอาจไม่จำเป็นต้องใส่ผงฟูก็ได้ ถ้าตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นฟูเพียงพอ แต่ถ้าใช้ระยะเวลาในการตีนานเกินไป คุกกี้ที่อบออกมาจะแผ่ตัวมากในระหว่างการอบ ซึ่งจะทำให้คุกกี้เปราะแตกง่าย ในขณะเดียวกันถ้าตีเนยกับน้ำตาลน้อยเกินไป คุกกี้ที่ได้จะบีบยาก เมื่ออบออกมาก็จะมีลักษณะกรอบแข็ง ฉะนั้นในการทำคุกกี้อาจจะคิดว่าทำง่าย แต่จริงๆ แล้วก็ต้องอาศัยความชำนาญเหมือนกัน จึงจะทำให้ขนมออกมาดี    ทุกครั้ง อุณหภูมิในขณะที่ทำก็มีส่วนเช่นกัน ถ้าร้อนเกินไปก็จะทำให้เนยเหลว เวลาตีจะไม่จับอากาศเท่าที่ควร ความเร็วของเครื่องในการตี และน้ำตาลที่ใช้ทำ ระหว่างน้ำตาลทรายกับน้ำตาล ไอซิ่ง ก็ทำให้ลักษณะของขนมที่ได้แตกต่างกัน คุกกี้ที่ทำจากน้ำตาลทรายเนื้อจะหยาบ กรอบร่วนกว่า คุกกี้ที่ใช้น้ำตาลไอซิ่ง ซึ่งจะได้ขนมที่กรอบแข็งกว่าน้ำตาลทราย ในขณะเดียวกันก็จะหวานน้อยกว่า ฉะนั้นการเลือกน้ำตาล ก็ขึ้นอยู่กับความ

ต้องการของผู้ทำเองว่า ต้องการคุกกี้ลักษณะแบบไหน









วิธีทำคุกกี้ธัญพืช

วิธีทำคุกกี้ธัญพืช


1. ร่อนแป้งสาลี โซดา รวมกับใส่งาดำและเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ คอร์นเฟล็ก
ในอ่างแป้ง เคล้าให้เข้ากัน  
                               
2. ตีเนยสด เกลือป่นให้เนยอ่อนตัวใส่น้ำ ตาลทรายแดงตีใหข้นฟู ใส่ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน


3. ใส่แป้งที่เตรียมไว ้ 





4. ตักส่วนผสมด้วยงาดำ วางบนถาดที่ทำไขมันบางๆ ให้ห่างนักประมาณ 2 นิ้ว



5. นําเข้าอบที่อุณหภูมิ 370 องศาฟาเรนไฮด์ ประมาณ 15 - 20 นาที จนสุก  


ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมตามเว็บไซค์ด้านล่างเลยนะครับ




ที่มาจาก http://tankmo.com/variety.php?id=8852&cat=18&sub=%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A   

อุปกรณ์การทำคุกกี้


อุปกรณ์การทำคุกกี้ 

  1. ถ้วยตวงของเหลว 



  2. ช้อนตวง 


3.กะละมังเล็ก



4.ทัพพี

5.ถุงมือ    


6.ที่แซะคุกกี้


7.เตาอบ

 ที่มาจาก www.Suwanan8556@gmail.com



ประวัติความเป็นมาของการทำคุกกี้

                                      ประวัติความเป็นมาของการทำคุกกี้





ประวัติของคุกกี้

                            ปัจจุบันวัฒนธรรมทางตะวันตกในหลายด้านได้ถูกเผยแพร่ในเมืองไทยย่างหลากลายทั้งวัฒนธรรมการแต่งกาย วัฒนธรรมในด้านความคิดด้านความเชื่อ รวมทั้งวัฒนธรรมด้านอาหารและหนึ่งในอาหารหวานยอดนิยมอันท่าจากวัฒนธรรมที่เผยแพร่เช่นนี้ก็หนีไม่พ้น คุกกี้ ที่มีหลากหลายรสชาติ หลากหลายรูปแบบให้เลือกซื้อคุกกี้โดยทั่วไปมีส่วนผสมกับแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ หากรับประทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโรคอ้วน




ความหมายคุกกี้
                      คุกกี้ คือขนมอบชิ้นเล็ก ๆ รูปร่างแบน ซึ่งทำจากแป้งสาลี คำว่าคุกกี้มีที่มาจากคำในภาษาดัตช์ koekje ซึ่งหมายถึง "เค้กชิ้นเล็ก ๆ" แรกเริ่มเดิมทีนั้น คุกกี้ทำโดยการแบ่งแป้งขนมเค้กที่ผสมแล้วออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเข้าเตาอบ เพื่อทดสอบอุณหภูมิที่จะใช้อบขนมเค้ก คำว่า "คุกกี้" (cookie) ใช้กันในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในขณะที่ในสหราชอาณาจักรจะเรียกขนมแบบเดียวกันนี้ว่า "บิสกิต" (biscuit)





        
              คุกกี้เป็นขนมประเภทบีสเก็ตมีลักษณะเป็นชิ้นขนาดเล็ก ตกแต่งด้วยผลไม้ หรือธัญพืชเนื้อขนมนุ่มนวลและกรอบ  สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าขนมอื่นๆเหมาะสำหรับเป็นของว่าง รับประทานกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆได้   การทำคุกกี้ มีส่วนผสมน้อยและวิธีทำที่ไม่ยุ่งยาก   นอกจากจะเอาไว้รับประทานแล้ว ยังทำเพื่อจำหน่ายได้ด้วย




                         พวกเราจึงมีความเห็นตรงกันที่จะทำคุกกี้ธัญพืช ช่วยลดอัตราเสี่ยง ในการเกิดโรคอ้วน เนื่องจากส่วนผสมในคุกกี้เป็นธัญพืช นอกจากนี้ยังเป็นการร้างสรรค์  ผลิตภัณฑ์ให้แปลกใหม่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ส่งผลให้เกิดอาชีพได้  เละพัฒนาปรับปรุงขนมคุกกี้ให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย









ศึกษาต่อตามเว็บไซต์ด้านล่างเลยนะค